อีกไม่กี่วันก็ต้องผมต้องย้ายบ้านแล้ว บ้านหลังที่อยู่นี้ อยู่มา 5 ปี ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ถึงมันจะเหมือนโรงเก็บของที่ทั้งเก่า ทั้งผุพัง แต่ก็ได้มันคุ้มหัว กันแดด กันลม กันฝน มาได้ถึง 5 ปี ห้องขนาด 3×7 เมตรห้องนี้ ได้อาศัยเป็นที่ซุกหัวนอนในยามที่ลำบากลำบนมาก่อน แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องบอกลากันแล้ว
ย้ายบ้านคราวนี้ไม่ใช่เพราะเจ้าของเขาไล่ แต่เนื่องด้วยสภาพห้องมันทรุดโทรมเต็มที เจ้าของก็คิดจะซ่อมแซม ปรับปรุง ก็เลยบอกให้ย้ายไปอยู่ห้องข้างๆ ชั่วคราว รอให้ซ่อมแซมเสร็จ ก็จะให้ย้ายกลับไปที่เดิม แต่ไอ้การย้ายของไปย้ายของมา มันไม่ใช่เรื่องสนุกนักหนาหรอกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สังขารอันชราอย่างผมด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าสนุกสนานเข้าไปกันใหญ่ จนตัดสินใจย้ายไปอยู่ห้องเช่าใกล้ๆกับบ้านเดิมนั่นแหละ แต่ย้ายแบบถาวรไปเลย จะได้ไม่ต้องขนของกันให้เอิกเกริกอีก
ห้องใหม่ที่จะไปอยู่มันมีข้อติตรงที่อยู่เสียติดถนน คาดว่าผมคงต้องนอนฟังบรรดาสิงห์มอเตอร์ไซค์ เด็กแว้น รวมถึงขี้เมาราตรี ซิ่งผ่านหน้าบ้านทั้งคืน คงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแบบไม่ต้องเจอผู้คนอย่างแต่ก่อน ก็คงต้องพยายามทำใจเสีย คิดว่าเขามากล่อมเรายามกลางคืน และปลุกเราตอนเช้า จะได้ไม่ต้องความดันขึ้นให้เสียสุขภาพกว่าเดิม
ข้อติอีกอย่างก็คงเป็นเรื่องราคาค่าเช่า ที่คนอื่นอาจจะคิดว่าไม่แพง แต่ตาแก่อย่างผมเห็นแล้วมีสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมันมากกว่าห้องเดิมเป็นเท่าตัว แต่ก็ยังถูกกว่าห้องพักบนตึกโทรมๆในกรุงตั้งเยอะ แต่ที่ตาแก่คนนี้หนักใจก็เพราะ สภาพการไหลเวียนของเงินทอง ปีที่ผ่านมาต้องใช้คำว่า ย่ำแย่เอาทีเดียว การเพิ่มค่าใช้จ่ายในตอนนี้ แม้จะดูเป็นเรื่องไม่ฉลาดนัก แต่ก็เอาเถอะครับ อายุป่านนี้เข้าไปแล้ว ขออยู่สบายกับเขาบ้างจะเป็นไร
แค่ย้ายบ้านที่จริงก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาหนักหนาอะไร เพราะผมย้ายไปอยู่ที่โน่นที่นี่มาทั้งชีวิต แต่ตอนนี้มันชักจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จากที่ไม่เคยสะสมสมบัติพัสถานอะไร มันก็ดันมามีสมบัติติดบ้านมากกว่าเมื่อก่อน รวมไปถึงปลาหนึ่งตู้ กับกระต่ายอีกสามตัว
ตอนที่เขียนนี้ยังไม่ได้เริ่มย้ายหรอกครับ ก็แค่เริ่มเช่ากับเตรียมการ
แค่นี้ความดันก็เริ่มขึ้นเข้าให้แล้วไหมล่ะ เดี๋ยวย้ายจริงคงมีเรื่องมาเล่าให้ฟังกัน
ว่าไอ้การย้ายบ้านช่วงปีใหม่มันจะสนุกขนาดไหน