ฝนเริ่มตกห่างออกไปทุกที ลมเหนือเรื่มพัดแรงขึ้น ต้นข้าวในทุ่งนาตั้งท้องออกรวงให้เห็น
สัญญาณแห่งหน้าหนาวส่งมาถึง แม้ความเย็นของอากาศจะยังมาไม่ถึงก็ตาม
ต้นไม้หลายต้นเริ่มเปลี่ยนสีใบออกเหลือง เตรียมสลัดใบรับความแล้ง
ธรรมชาติเตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลง คงมีแต่ผู้คนที่ยังตั้งอยู่บนความประมาท
หลายเรื่องราวในบ้านเมืองที่กำลังวุ่นวาย ผู้คนที่คิดว่าตัวเองรู้ ตัวเองถูก เริ่มหันหน้าเข้าใส่กัน
การดำเนินชีวิตที่ยากแค้น ขาดแคลนของคนธรรมดาสามัญ ไม่ได้เฉียดกรายเข้าไปในกรอบสายตาของคนเมืองที่เรียกตัวเองว่าผู้มีการศึกษา
คนมากมายร่ำร้องตะโกน พร่ำพูดว่าทำเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน
แต่คนชั้นใช้แรงงานกลับพร่ำถามตัวเอง พวกเขาทำเพื่อใคร
หญ้าที่ขึ้นเบียดกอข้าว แม้จะเติบโตขึ้นมาทีหลัง แต่วันนี้กลับชนะต้นข้าว
คนมากมายที่ต้องกินข้าว แต่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะไถนา
เวลาที่ผ่านมาหลายสิบปี เปลี่ยนสังคมเมืองไปสิ้นเชิง
แต่มันไม่เคยเปลี่ยนชนบท ไม่ว่าจะกี่สิบปีก็ตาม
พอเข้าหนาว ข้าวจะถูกเกี่ยว กรรมกรเกษตรกรรมต้องทำงานกันอย่างหนัก
สำนึกบุญคุณชาวนา มันก็แค่ตัวหนังสือหรือคำพูดที่เอาไว้แสดงว่าตัวเองมีคุณธรรม
ข้าวถังละสามร้อยมันแสนแพง แต่โทรศัพท์เครื่องละสามหมื่นมันแสนถูก
ตากแดดตากฝนทำงานทั้งปี กลับมีรายได้น้อยกว่านั่งทำงานในห้องแอร์เดือนเดียว
ใบข้าวที่บาดท้องแขนมันเจ็บน้อยกว่าใจที่ถูกคนอกตัญญูดูถูก
ฟ้าเป็นสีฟ้า แดดเริ่มแรงขึ้นทุกวัน อากาศที่แห้ง ลมเหนือที่แรง
ผู้คนในท้องทุ่งออกไปดูรวงข้าว ผู้คนในเมืองออกไปทะเลาะเบาะแว้ง
คนบ้านนอก ไม่มีการศึกษา ยังรู้ว่าหน้าที่ตัวเอง ต่อครอบครัว ต่อบ้านเมืองคืออะไร
ใกล้หนาวเข้าไปทุกที เกี่ยวข้าวครั้งนี้ จะเกี่ยวเอาสติและสำนึกติดไปกับเมล็ดข้าว
เผื่อว่าเมื่อกินเข้าไป จะได้รู้จักกับสติและสำนึก ที่อาจไม่เคยมีมาทั้งชีวิต